วิญญาณที่ถูกจองจำ
เรื่องจริงของผู้เขียนที่รู้แล้วต้องช๊อค กับแค่คำพูดเปรยๆของแม่ ทำให้ผู้เขียนต้องนำมาเล่าต่อ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีเงื่อนงำบางอย่าง ขอย้ำว่าเรื่องจริง!!!
ผู้เข้าชมรวม
1,203
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เรื่องต่อไปนี้เกิดขึ้นจริง ซึ่งบางครั้งคนหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญแต่สำหรับตัวเราแล้ว เราเชื่อ เมื่อประมาน15-16ปีที่แล้ว แม่ของเราได้แต่งงานกับพ่อและเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของย่า ซึ่งเป็นแม่ของพ่อ ตามธรรมเนียมถ้าเกิดว่ายังไม่มีเรือนหอเป็นของตนเอง ก่อนอื่นต้องขอเล่าว่าบ้านกลังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยไม้ที่ใช้สร้างบ้านนั้น นำมาจากจังวัดพระนครศรีอยุธยา ถือว่าเป็นไม้มงคลและเก่าแก่อยู่พอสมควร บ้านทั้งหลังจึงไม่ต่างอะไรจากบ้านไม้สองชั้นที่มีระเบียงยื่นออกมา และข้างบ้านก็สร้างเป็นโรงจอดรถเนื่องจากคุณย่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะในสมัยนั้นเลยทีเดียว ภายในบ้านประกอบด้วยห้องครัวและห้องนอนหลายห้อง เพื่อสำหรับให้ลูกหลานซึ่งมีอยู่หลายคนไว้สำหรับนอนได้เมื่อยามจำเป็น แต่ก่อนหน้าบ้านจะเป็นทุ่งหญ้าและถนนสายเล็กๆที่คั่นระหว่างถนนสายเพชรเกษมกับถนนที่จะเข้าไปทางสำนักปู่สวรรค์ นั้นเอง ปัจจุบันก็กลายเป็นถนนใหญ่หรือที่เรียกกันว่าถนนเพชรเกษม
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลังจากที่พ่อและแม่ของเราแต่งงานกันใหม่ๆ แม่ของเราเป็นคนนอกแต่ก็บ้านก็อยู่แถวๆบ้านของพ่อ จึงได้ข่าวล่ำลืมมานักต่อนักว่า บ้านนี้ผีดุ อาจเพราะความไม่เชื่อหรือเชื่อแต่ไม่กลัวก็ได้กระมังที่ทำให้แม่ของเราได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ได้ ส่วนคนในบ้านรวมถึงตัวพ่อและลุงๆก็ทราบกันดีว่าบ้านนี้แปลกๆ เพราะหลายคนก็เจอมานักต่อนัก
คืนนั้นพ่อและแม่นอนกันอยู่ห้องนอนชั้นบนซึ่งติดกับห้องนอนของคุณย่าและอยู่ตรงกันข้ามกับห้องพระ ภายในห้องถือว่าเล็กและแคบทีเดียวที่จะอยู่ถึงสองคน แต่ทั้งสองก็อาศัยอยู่ในห้องนั้นจนได้ คืนนั้นแม่ของฉันนอนหลับไปไม่นาน ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อมีความรู้สึกแปลกๆ แม่กลายตาไปรอบห้องก็ต้องพบกับหญิงสาวในชุดผ้าถุงสีน้ำตาลกับเสื้อลายดอกสีม่วงมานั่งพับเพียบอยู่ที่ปลายเตียง ผมของเธอคนนั้นถูกเปิดออกหมดทำให้เห็นถึงหน้าเกลี้ยงเกลา แม่มองสายตาขอหญิงสาวคนนั้นที่ดูเลื่อนลอยและเคว้งคว้างไปรอบๆห้อง จนเสียงๆหนึ่งก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของแม่ "ฉันอยู่ที่นี่มา32ปี" แม่ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้น ทั้งๆที่แม่เห็นว่าเธอไม่ได้ขยับริมฝีปากพูด แต่ถึงกระนั้นแม่ก็คงยังได้ยินซ้ำๆ จนรู้สึกตัวอีกที ความกลัวเริ่มหลั่งไหลจนต้องสะกิดพ่อ ซึ่งเป็นผู้ชายที่เรียกว่าเกือบจะไม่กลัวอะไรบนโลกใบนี้ก็ว่าได้ แม่เรียกพ่อให้ตื่นสายตายังจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวคนนั้นที่เริ่มเลือน จนหายไปในที่สุด พ่อตื่นมารับรู้เรื่องราวของแม่ด้วยความฉงนแต่ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกกลัวและจริงจังของแม่ ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ละเลยเพราะเป็นเจ้าของบ้านรู้ดีว่ามี "อะไร" อยู่ในบ้าน แม่ของเราจำภาพหญิงสาวคนนั้นได้ติดตาจนกระทั่งท้องเรา เราเกิดมาก็ไม่รู้เรื่องในขณะที่แม่ของเราก็เปรยๆกับพ่อว่า ยิ่งโตเราก็ยิ่งเหมือนผู้หญิงที่แม่เจอในห้องวันนั้น คล้ายว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาขอเกิดเป็นลูก ซึ่งเป็นเรานั่นเอง ที่ยังเล่าอีกว่า ผู้หญิงคนนั้นคล้ายว่าจะถูกกักขังในห้องนั้นจากใครซักคน อาจเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นทำกรรมไว้หรือทำผิดอะไรซักอย่าง เธอคงรออยู่นานกว่าจะได้ออกมา หรือจนกว่าจะรับใช้กรรมหมดจึงได้ไปผุดไปเกิดจนกระทั่งเจอแม่ของเรานี่แหละ คนเถ้าคนแก่แถวนั้นก็กล่าวว่าอาจเป็นเพราะไม้ที่มาจากอยุธยาก็เป็นได้ วิญญาณตนนี้คงจะติดมากับไม้เพราะเมื่อเราเกิดมา เรามีความรู้สึกว่าผูกพันกับจังหวัดอยุธยาอย่างบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสไป หรือแม้แต่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ตรงนั้น แต่บางครั้งที่เรากลับไปในห้องที่บ้านคุณย่า เรากลับไม่มีความรู้สึกหรือจะมีท่าทีว่าจำอะไรได้เลยเกี่ยวกับห้องนั้น ห้องที่แม่ว่า ว่ามีผีมาเกิดเป็นเรา ผีที่ถูกกักขังมา32ปี จนบัดนี้ความสงสัยนั้นก็ยังคงอยู่ในหัวของเรา ทั้งๆที่พิสูจน์ไม่ได้ คนใช้ที่บ้านคุณย่าหลายคนก็บอกว่าปัจจุบันนี้ก็ยังเจออีกหลายๆตน ซึ่งเป็นวิญญาณที่ยังเร่ร่อน คนใช้คนหนึ่งบอกว่าขณะที่เดินอยู่ที่ในสวนมะม่วงหน้าบ้าน บางครั้งก็เจอชายแก่เดินอยู่บ้าง หรือฝันแปลกๆบ้าง แต่คนที่นี่ก็เริ่มชิน เพราะใช้หลักว่าต่างคนต่างอยู่ หรือย่างเช่นเมื่อวานที่เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณย่า ก็ได้ฟังจากปากของลุงเองว่า เมื่อหลายวันก่อนออกไปไหว้พระที่ศาลพระภูมิ ก็เหลือบไปเห็นคนในชุดขาวมายืนอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะยังคงยึดหลักเดิมอยู่ หรือบางครั้งนั่งอยู่ที่ชั้นล่างดึกๆ ก็จะได้ยินเสียงคนเดินหรือคนวิ่ง เพราะพื้นเป็นพื้นไม้ ซึ่งเรื่องของคนเดินนั้น เป็นที่ประจักษ์ว่า พบเจอกันทุกคนไป รวมทั้งเจ้าของบ้านอย่างคุณปู่คุณย่า จนบางครั้งที่เรายังรู้สึกขนลุกซู่ทุกครั้งที่ได้ยินเลยก็ว่าได้
ถือว่าเรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่ยังค้างคาใจของเราอยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของชาติที่แล้ว ชาตินี้ เราแค่ต้องทำตัวให้ดี เป็นคนดี เพราะชาติที่แล้ว หญิงสาวคนนั้นต้องทำกรรม ทำผิดไว้มากถึงได้โดนจองจำ เรื่องนี้ก็คงเป็นอุทาหรณ์ของคนในชาตินี้ ที่ทำตัวไม่ดี ได้เห็นว่า ผลกรรมนั้นมีจริง....
ผลงานอื่นๆ ของ แม่หญิงดาวเรือง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ แม่หญิงดาวเรือง
ความคิดเห็น